ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB)ปิดเมืองนราฯ ล่า SIM BOX ตัดเครื่องมือ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ชายแดนใต้

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB)
ปิดเมืองนราฯ ล่า SIM BOX ตัดเครื่องมือ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ชายแดนใต้

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย ผบช. ประจำ บช.ก.
พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป.. พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุปผาสุวรรณ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย ,พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว, .ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป.พ.ต.ท.อนุสรณ์ ทองไสย, พ.ต.ท.ศิลป์ชัย ถวัลย์ภิยโย, พ.ต.ท.กันตเมศฐ์ อัครโชควรานนท์,
พ.ต.ท.วริศร มัจฉา รอง ผกก.6 บก.ป.,พ.ต.ต.เกียรติศักดิ์ บุญทอง, พ.ต.ต.ธนาคาร อุชณรัศมี และพ.ต.ต.จอมพฤทธิ์ แก้วเรือง สว.กก.6 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กก.6 บก.ป. สนธิกำลัง กองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส และ
สถานีตำรวจภูธรสุไหงโก-ลก
ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหา จำนวน 3 คน คือ

  1. น.ส.ซารีนา (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี
  2. Mr.KIANG WAN อายุ 25 ปี สัญชาติมาเลเชีย
  3. Mr.KUOK RONG อายุ 36 ปี สัญชาติมาเลเชีย
    พร้อมด้วยของกลาง
  4. อุปกรณ์ “SIM BOX” หรือ “GSM Gateway” สำหรับ 32 ซิมการ์ด จำนวน 15 เครื่อง
  5. เครื่องกระจายสัญญาณอินเตอร์เน็ต (เร้าเตอร์ WFI) จำนวน 3 เครื่อง
    และพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดในข้อหา “ร่วมกันมี, ใช้ และนำเข้าเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตและใช้คลื่นความถี่โดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไมได้อนุญาต”
    ตาม พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498, พ.ร.บ.ว่าด้วยการประกอบกิจการโทรคมนาคม (ผู้ถูกจับที่ 2 แจ้งข้อหาเพิ่มเติม “บุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามา และอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต”)
    สถานที่ตรวจค้น/จับกุม บ้านเช่าในพื้นที่ ต.สุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส จำนวน 3 จุด

พฤติการณ์ ปัญหา แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้ระบาดอย่างหนักในสังคมไทย มีพี่น้องประชาชนโดนหลอกลวงเป็น
จำนวนมาก ประเทศไทยได้สูญเสียเม็ดเงินต่อวันกว่าร้อยล้านบาท โดยกลุ่มแก็งเหล่านี้มักจะตั้งฐานปฏิบัติการ
อยู่ที่ชายแดนรอยต่อระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบกับแก้งคอลเซ็นเตอร์มีวิธีการหลอกลวงที่ปรับเปลี่ยนอยู่ตลอด การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ต้องปรับให้เท่าทันและล้ำหน้าแผนประทุษกรรมของคนร้ายอยู่เสมอเช่นกัน
ซึ่งหนึ่งในแผนประทุษกรรมยอดฮิตที่แก้งคอลเซ็นเตอร์ใช้เป็นประจำ คือการโทรศัพท์เข้าหาผู้เสียหาย
โดยอ้างตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แล้วข่มขู่ว่าให้เหยื่อเชื่อว่าตัวเองกระทำผิดกฎหมาย หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับ
อาชญากรรมต่างๆ ใช้วิธีพูดจาหว่านล้อมต่างๆนานา จนผู้เสียหายตกใจกลัว จำใจยอมโอนเงินให้คนร้ายใน
ที่สุด แม้ว่าทางรัฐบาลจะมีมาตรการต่าง 1 ในการป้องกันหมายเลขโทรศัพท์แปลกปลอม การยืนยันตัวตน
ของผู้ลงทะเบียนชิมการ์ด รวมถึงการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ประชาชนแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีประชาชนอีก
หลายคนที่ตกเป็นเหยื่อ
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ก็ได้ศึกษารูปแบบการกระทำความผิดของแก็งคอลเซ็นเตร์มาต่อเนื่องจนทราบว่า ปัจจุบันกลุ่มคนร้ายได้มีการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ที่ใช้โทรหาผู้เสียหาย โดยมีการแยกเครื่อง”SIMBANK” สำหรับเสียบชิมการ์ดโทรศัพท์ที่เป็นของค่ายโทรศัพท์ในประเทศไทยไว้ที่หนึ่ง “SIMBANK”จะตั้งอยู่ที่ในประเทศหรือต่างประเทศก็ได้ และจำเป็นต้องมีเครื่อง “SIM BOX” หรือ “GSM Gateway”ซึ่งเป็นอุปกรณ์แปลงสัญญาณอินเทอร์เน็ตเป็นสัญญาณมือถือ “SIM BOX” แต่ละเครื่องมีช่องเสียบซิมการ์ดโทรศัพท์ จำนวน 32 ซิม แต่กลุ่มคนร้ายไม่ได้เสียบชิมการ์ดไว้ โดย “SIM BOX” จะถูกติดตั้งอยู่ในประเทศไทยหรือฝั่งชายแดนที่ติดต่อประเทศเพื่อนบ้าน โดย”SIMBANK” (เสียบชิมการ์ด) และ “SIM BOX”
(ไม่เสียบซิมการ์ด) จะเชื่อมต่อกับผ่าน Router โดยมี “Cloud SIP Server” เป็นตัวกลาง
เมื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรจากต่างประเทศเข้ามาหลอกลวงผู้เสียหายคนไทย โดยใช้อุปกรณ์ดังกล่าวจะทำให้เห็นว่าเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของประเทศไทย เพื่อหลบเลี่ยงมาตรการขึ้นหมายเลขหน้าเบอร์โทร(Prefix) ของ กสทช. ทำให้ประชาชนโดยทั่วไปหลงเชื่อได้ง่าย ในแต่ละวันคนร้ายจะใช้อุปกรณ์เหล่านี้สุ่มโทรหาผู้เสียหายวันละหลายแสนครั้ง โดยปกติอุปกรณ์ดังกล่าวต้องขออนุญาตจาก กสทช. ส่วนใหญ่จะนำมาใช้ในธุรกิจ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย

ต่อมา กก.6 บก.ป. ได้สืบสวนจนทราบว่า ในพื้นที่ ต.สุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ชายแดนประเทศไทยกับประเทศมาเลเซีย มีการลักลอบติดตั้งอุปกรณ์ “SIM BOX” หรือ “GSM Gateway”เพื่อใช้โทรมาหลอกลวงผู้เสียหายชาวไทยหลายราย จนเป็นที่มาในการเปิดปฏิบัติการ ปิดเมืองนราฯล่า SIM BOX ตัดเครื่องมือ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ชายแดนใต้ ห้วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา
จากการปฏิบัติการสามารถ จับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 ร้ายดังกล่าวข้างตัน พร้อมของกลางเครื่อง”SIM BOX” หรือ “GรM Gateway” จำนวน 15 เครื่อง และของกลางอื่นๆ นำส่งพนักงานสอบสวน กก.6
บก.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมาย

สอบถามปากคำกลุ่มผู้ต้องหาเบื้ องต้น ให้การรับสารภาพ 2 ราย คือ น.ส.ซารีนา และ
Mr.KIANG WAN ซึ่งให้การว่าทั้งคู่คบหาดูใจกัน และได้รับการว่าจ้างจากนายทุนชาวมาเลเชีย ให้ดูแลสถานที่
ซึ่งมีการติดตั้ง SIM BOX โดยส่วนใหญ่ นายทุนชาวมาเลเซีย จะติดต่อคนไทยที่มีความสัมพันธ์กับคนมาเลเซีย
ให้หาบ้านเช่า และติดตั้งสัญญาณอินเตอร์เน็ตในบ้านเช่า จากนั้นฝ่ายเทคนิคจะเข้ามาดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์
ให้ผู้ต้องหาทั้งสองคนจะได้รับค่าจ้างเป็นค่าดูแลอุปกรณ์เป็นเงิน 5,000 บาท ต่อจุด สำหรับเช่าบ้าน ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าน้ำค่าไฟ จะจ่ายต่างหากส่วน Mr.KUOK RONG ผู้ต้องหาอีกราย ยังคงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา อ้างว่าตนเพียงโอนเงิน ให้ผู้ต้องหาที่ 1 ตามสั่งการของนายทุนชาวมาเลเชีย ส่วนตัวไม่มีส่วนเกี่ยวช้องกับการกระทำความผิดแต่อย่างใด

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือน ประชาชนทุกท่าน หากพบบุคคลต้องสงสัย มีพฤติกรรมน่าสงสัย หรือนำาเชื่อว่าได้มีการเช่าสถานที่เพื่อใช้การซุกซ่อนอุปกรณ์ SIM BOX หรือ ท่านใดพบเบาะแสหรือมีข้อมูลของขบวนการแก้งคอลเซ็นเตอร์ สามารถแจ้งข้อมูลดังกล่าวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจใกล้บ้าน หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง(CIB) ให้ตรวจสอบ เพื่อดำเนินคดีกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้หมดไป




You May Also Like