บก.ปปป ร่วม ปปท. ป.ป.ช. ภาค 6 จับอดีตเจ้าหน้าที่กองคลัง อบค. ฯ โกงเงิน แอบหักโบนัสเพื่อน ส่งผู้ร่วมขบวนการด้วยกัน หนีหมายจับ 8 ปี

บก.ปปป ร่วม ปปท. ป.ป.ช. ภาค 6 จับอดีตเจ้าหน้าที่กองคลัง อบค. ฯ โกงเงิน แอบหักโบนัสเพื่อน ส่งผู้ร่วมขบวนการด้วยกัน หนีหมายจับ 8 ปี

ภายใต้อำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.,พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. , พ.ต.อ.สมรภูมิ ไทยเขียว รอง ผบก.ปปป. ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ. ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปปป. นำทีมงานออกสืบสวนกรณีมีการทุจริตในภาครัฐ โดยเฉพาะองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย

ต่อมา เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. นำโดย พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์  ผกก.4 บก.ปปป. , ปปท. ภาค 6 และนายศรชัย ชูวิเชียร ผู้ ช่วยเลขาธิการ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 6 พร้อมทีมงาน ประกอบด้วย นายธงชัย สุวรรณ ชัย นักสืบสวนคดีทุจริต ชำนาญ การ พิเศษ , นายอรรถ วุฒิ คง พันธุ์ นักสืบสวนคดีทุจริต ชำนาญ การ , ร.ต.อ.ภูษณ ประดิษฐ์ นักสืบ สวนคดีทุจริต ปฏิบัติการ, น.ส.ปิติพร  ชะนะ นักสืบ สวนคดีทุจริต ปฏิบัติการ และน.ส.นัฏฐณิชา พุทธา นักสืบสวนคดีทุจริต ปฏิบัติการ ได้นำหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 รุดจับกุมตัว นางสาวนพดา (สงวนนามสกุล) อดีตพนักงานจัดเก็บรายได้อบต.วังทองแดง จว.สุโขทัย  ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการจัดเก็บรายได้ และรับหน้าที่อื่นเป๋นหัวหน้ากองคลังของ อบต. ได้ร่วมกับพวกกว่า 5 ราย หักยอดเงินโบนัสเพื่อนเข้ากระเป๋าตัวเองเอาไปใช้ส่วนตัว เสียหายนับแสน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. สืบสวนจนทราบว่า หลังจากลาออก ยังไม่ชดใช้เงินคืน หลบหนีมาอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ จนสามารถจับกุมตัวได้ที่ บ้านย่านถนนรถไฟเก่า ตำบลสำโรงใต้ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งผู้ต้องหาหลบหนีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 จนถึงปัจจุบัน
พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปปป. กล่าวว่า ผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพ และให้การเพิ่มเติมว่า ทำมาแล้วหลายครั้งโดยไม่เคยนำส่งเงินดังกล่าวคืนรัฐแม้แต่บาทเดียว โดยทำในลักษผระเป็นขบวนการภายในองค์กรตนเองนำเงินไปใช้ส่วนตัว ยอดรวมนับแสนที่เสียหายไป หลังจากนั้นเกิดความไม่สบายใจต่อตนเอง เพราะสุดท้ายแล้วตำแหน่งหน้าที่ของตนรับบทหนัก จึงชิ่งหนีลาออกก่อนจะถูกไล่ออก แล้วหนีมากบดานที่จังหวัดสมุทรปราการ ส่วนคนที่ร่วมขบวนการยังลอยนวลอยู่ ขอให้ บก.ปปป. ช่วยดำเนินการจับกุมมาดำเนินคดีให้เหมือนตัวเอง
จากการจับกุมนี้ ได้กล่าวหาผู้ต้องหาว่ามีความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฐานเป็นเจ้าพนักงาน  มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้น หรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ ฐานเป็นผู้ใช้ให้เจ้าพนักงานมีหน้าที่   ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำการรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 157ประกอบมาตรา 83 มาตรา 162(1)  ประกอบมาตรา 84 และมาตรา 90 ฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 มาตรา 123/2 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561มาตรา 192 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 และมาตรา 90 และมีมูลความผิดทางวินัย ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้ เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี และนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดสุโขทัย เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขทั่วไปเกี่ยวกับวินัยและการรักษาวินัย และการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. 2558 ข้อ 3 วรรคสาม และข้อ 6 วรรคสอง”  ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้นำส่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 ดำเนินคดี
จึงขอฝากถึงพี่น้องประชาชน ว่าให้ระมัดระวังและเฝ้าตรวจสอบผลประโยขน์อันควรได้ของตนเองให้รอบคอบ และอย่าไว้ใจเจ้าหน้าที่เพื่อนร่วมงานที่ทำหน้าที่ฝ่ายการเงินมากจนเกินไป เพราะอาจได้รับผลแบบคดีนี้ได้ และทำให้ท่านต้องเสียเวลาภายหลังไปกับการเอาผิด แต่อาจไม่ได้อะไรกลับมา นอกจากนั้นบก.ปปป. ยังขอเตือนเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีหน้าที่ในลักษณะเดียวกันนี้ จงอย่าคิดที่จะคดโกงเพราะนอกจากจะสร้างมลทินให้กับตนเองแล้วยังสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นที่ลำบากตรากตรำทำงานด้วยความสุจริต แต่พวกท่านที่ทุจริต จะทำให้คนดีต้องเสียประโยชน์ในสิ่งที่เขาควรได้ และ บก.ปปป. จะไม่ปล่อยให้ลอยนวลอยู่ในสังคมอย่างแน่นอน
หากพบการกระทำความผิดในลักษณะเดียวกันนี้ สามารถแจ้งเข้ามาได้ที่สายด่วน กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) โทร. 02-1919191, 
สายด่วน ป.ป.ช. 1205 (สำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ), สายด่วน ป.ป.ท. 1206 (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ) และสายด่วน ป.ป.ง. โทร. 02-2193600(สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน)




You May Also Like